องุ่นพันธุ์ ‘ไชน์ มัสแคท’ (Shine Muscat) ถูกปรับปรุงพันธุ์ขึ้นในปีพ.ศ. 2531 ที่สถานีวิจัยองุ่นและพลับอะกิซึ จังหวัดฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น และขึ้นทะเบียนพันธุ์ในปีพ.ศ. 2549 เป็นลูกผสมระหว่างองุ่นพันธุ์ Akitsu 21 [Steuben (Vitis labruscana) x Muscat of Alexandria (V. vinifera)] กับองุ่นพันธุ์ Hakunan [Katta Kurgan (V. vinifera) x Kaiji (V. vinifera)] ลักษณะผลกลมขนาดใหญ่ มีเมล็ด ผิวผลสีเขียวอมเหลือง ไม่แตกง่าย เนื้อแน่น กรอบ ไม่ฝาด มีกลิ่นมัสแคท ทนต่อโรคผลเน่าและราน้ำค้างได้ในระดับปานกลาง แต่อ่อนแอต่อโรคแอนแทรคโนส ทนต่อความหนาวเย็น ถ้าผลมีเมล็ดจะมีขนาดประมาณ 10 กรัม
ถ้าทำให้ผลไม่มีเมล็ดจะมีขนาด 12 กรัมขึ้นไป มีปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ 19 องศาบริกซ์ ปริมาณกรด 0.4 กรัม/100 มิลลิลิตร อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 80 วัน หลังดอกบานเต็มที่ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อนำองุ่นพันธุ์ ‘ไชน์ มัสแคท’ มาปลูกในประเทศไทยพบว่ามีการเจริญเติบโตดี สามารถออกดอกติดผลได้ แต่จะมีอายุเก็บเกี่ยวเร็วกว่าประเทศญี่ปุ่นคือ ประมาณ 70 วัน หลังดอกบานเต็มที่
1. ตัดแต่งช่อดอก เมื่อดอกองุ่นเริ่มบานจะตัดแต่งช่อดอกเนื่องจากดอกองุ่นจะเริ่มบานจากด้านบนสุดของช่อดอกและบานเรื่อยลงมาจนถึงปลายช่อดอก ส่งผลให้องุ่นด้านบนสุกก่อนองุ่นบริเวณปลายช่อ ทำให้คุณภาพผลผลิตไม่สม่ำเสมอ ดังนี้จึงตัดแต่งช่อดอกให้เหลือความยาวที่ปลายช่อดอก 3.5-4 เซนติเมตร
2. ทำให้ไม่มีเมล็ด หลังดอกบานเต็มที่ 1-3 วัน จุ่มช่อดอกลงในสารละลายที่มีสเตรปโตมัยซิน ความเข้มข้น 200 ppm (AGREPT 1 มิลลิลิตร) ร่วมกับ
จิบเบอเรลลิค แอซิด ความเข้มข้น 25 ppm (นันโต จิปเปอร์ 0.8 กรัม) และ CPPU ความเข้มข้น 5 ppm (Fulmet 5 มิลลิตร) ต่อน้ำ 1 ลิตร
3. ตัดแต่งช่อผล หลังดอกบานเต็มที่ 10-15 วัน จะตัดแต่งช่อผลให้เหลือ 35-40 ผล หากไม่ตัดแต่งช่อผลจะทำให้ผลเบียดกันและผลจะมีขนาดเล็ก
4. ขยายขนาดของผล หลังจากตัดแต่งช่อผล จุ่มช่อผลลงในสารละลายจิบเบอเรลลิค แอซิด ความเข้มข้น 25 ppm (นันโต จิปเปอร์ 0.8 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร)