มะเขือเทศเชอรี่ หรือมะเขือเทศราชินี เป็นมะเขือเทศผลเล็ก รสชาติหวาน เนื้อแน่นมีกลิ่นหอม มีสารเบต้า-แคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีสูง ในการปลูกมะเขือเทศเชอรี่ เกษตรกรนิยมปลูกแบบใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมี เนื่องจากมะเขือเทศจะมีโรคและแมลงศัตรูพืชเข้าทำลายหลายชนิด ได้แก่ โรคเหี่ยวเขียว โรครากเน่าโคนเน่า โรคไวรัส เพลี้ยไฟ และแมลงหวี่ขาว ซึ่งการใช้สารเคมีทำให้ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ราคาผลผลิตของมะเขือเทศที่ปลูกแบบเคมีขึ้นลงตามราคาตลาด ส่วนการปลูกมะเขือเทศเชอรี่อินทรีย์ เกษตรกรมีโอกาสที่จะได้ราคาสูงกว่า จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าและโอกาสทางการตลาดอีกช่องทางหนึ่ง นอกจากราคาผลผลิตสูงแล้วยังปลอดภัยต่อผู้บริโภคด้วย
เทคนิคการเพิ่มผลผลิตมะเขือเทศเชอรี่อินทรีย์
ถึงแม้ว่าปริมาณผลผลิตมะเขือเทศเชอรี่ที่ปลูกในระบบอินทรีย์จะน้อยกว่าการปลูกในระบบเคมี แต่หากเกษตรกรมีวิธีการจัดการที่ดี ก็จะสามารถเพิ่มผลผลิตได้ ได้แก่
1. การปลูกมะเขือเทศเชอรี่อินทรีย์สามารถปลูกภายใต้โรงเรือนและใส่ปุ๋ยคอกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ปริมาณธาตุอาหารเพียงพอต่อการเจริญเติบโต ซึ่งจะทำให้มะเขือเทศเชอรี่ให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่องและเก็บเกี่ยวได้นานขึ้น
2. การฉีดพ่นฮอร์โมนไข่อย่างสม่ำเสมอ ทุกๆ 7 วัน จะช่วยเพิ่มการติดดอก และทำให้มะเขือเทศมีรสชาติหวาน กรอบ เนื่องจากฮอร์โมนไข่ มีฮอร์โมนที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโต เช่น ออกซินไซโตไคนิน และจิบเบอเรลลิน อีกทั้งเปลือกไข่ ยังเป็นแหล่งของแคลเซียม ทำให้พืชแข็งแรงอีกด้วย
3. แมลงศัตรูพืชที่สำคัญ ได้แก่ แมลงปากดูด เช่น แมลงหวี่ขาว และเพลี้ยไฟ ซึ่งอาจเป็นพาหะของเชื้อไวรัส ทำให้ใบหงิกงอ ทำให้ผลผลิตลดลง
4. โรคที่สำคัญ มักพบโรคเหี่ยวเขียว โรครากเน่าโคนเน่า และโรคไวรัส ซึ่งการป้องกันกำจัดโรคและแมลงในระบบอินทรีย์ จะเน้นการป้องกันเป็นหลัก ซึ่งควรทำอย่างสม่ำเสมอ โดยพ่นสารชีวภัณฑ์ไตรโคเดอมา คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ เชื้อราบิวเวอเรีย เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัสทูริงเจนซิส ทุกๆ 7 วัน ร่วมกับสารจับใบ (สบู่อ่อน) จะช่วยป้องกันโรคและแมลงได้ดี