จากปัญหาฝุ่นควันไฟป่าที่เกิดขึ้น ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย มักจะถูกสังคมมองว่าเกิดจากการเก็บหาของป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็ดเผาะหรือเห็ดถอบมักจะตกเป็นจำเลยของสังคม เนื่องจากเป็นเห็ดที่มีความต้องการบริโภคของคนทั่วไปค่อนข้างสูงและมีราคาดี อีกทั้งยังมีเรื่องของความเชื่อที่สืบต่อกันมาว่าต้องเกิดไฟไหม้ก่อนเห็ดถึงจะออก ซึ่งในความเป็นจริงการหาเห็ดเผาะหรือเห็ดถอบแต่เดิมนั้น คนเฒ่าคนแก่ในสมัยก่อนใช้การสังเกตลักษณะของพื้นที่ที่พบเห็ด โดยพบว่าหลังจากที่มีไฟไหม้ป่าแล้วนั้นจะพบเห็ดเผาะในพื้นที่จำนวนมาก ทำให้มีการบอกต่อกันมาและเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน กลายเป็นต้องเผาป่าก่อนเห็ดเผาะหรือเห็ดถอบถึงจะออกให้ ซึ่งในความเป็นจริงเห็ดเป็นสิ่งมีชีวิตที่เจริญเป็นเส้นใย
หากโดนความร้อนทำลายก็สามารถที่จะตายได้ ซึ่งเห็ดเผาะหรือเห็ดถอบจะเจริญอยู่ร่วมกันกับรากพืชและบริเวณรอบ ๆ ราก ทำให้ได้รับผลกระทบจากการทำลายของไฟป่าบ้างบางส่วน แต่เห็ดชนิดอื่น ๆ ที่เกิดอยู่ในป่าซึ่งเป็นผู้ย่อยสลายอินทรียวัตถุให้เกิดการหมุนเวียนของธาตุอาหารในดินจะมีการเจริญอยู่บนเศษวัสดุใบไม้ กิ่งไม้ เมื่อเกิดไฟไหม้เป็นระยะเวลานานเห็ดกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากถูกความร้อนเข้าทำลายเส้นใยและดอกเห็ดทำให้ไม่สามารถเจริญและแพร่ขยายพันธุ์ต่อไปได้ สังเกตได้จากพื้นที่ที่เกิดไฟไหม้เห็ดกลุ่มที่เจริญเหนือดินจะมีปริมาณลดลง
ดังนั้นหากเราจะแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน เราต้องทำให้เกิดการเผาหรือไฟไหม้ที่ลดลง ซึ่งจะทำอย่างไรได้บ้างนั้น เราลองมาดูแนวทางกัน โดยในครั้งนี้จะขอนำเสนอไว้ 3 แนวทาง เพื่อให้นำไปใช้ตามความเหมาะสมของพื้นที่และบริบทของชุมชน ดังนี้
ทั้งนี้หากเราใช้วิธีการทางชีวภาพในการจัดการปัญหาฝุ่นควันไฟป่าที่ต้นตอของปัญหาจะเป็นการช่วยให้ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ยังคงอยู่ รวมทั้งสร้างความสมดุลในระบบนิเวศให้กลับฟื้นคืนมานอกจากนี้ยังทำให้เรามีแหล่งอาหารจากป่าที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และจะเป็นการแก้ปัญหาฝุ่นควันไฟป่าได้อย่างยั่งยืน