เป็นคำถามที่เกษตรกรหรือผู้ที่สนใจในการปลูกองุ่นสอบถามมาโดยตลอด จึงต้องกล่าวย้อนไปถึงการปลูกองุ่นในทวีปยุโรปที่ปลูกเพียงชนิดเดียวคือ Vitis vinifera การขยายพันธุ์ทำได้ง่ายด้วยการปักชำ ซึ่งใช้วิธีนี้มานานนับพันปี จนกระทั่งหลังการค้นพบอเมริกา นักพฤกษศาสตร์ที่เข้าไปสำรวจพันธุ์ไม้ ได้นำพันธุ์องุ่นจากอเมริกากลับมาศึกษาและรวบรวมพันธุ์ไว้ในยุโรป แต่ได้นำเข้าแมลงจำพวกเพลี้ย Phylloxera (Daktulospharia vitifoliae) มาโดยบังเอิญอีกด้วย
เข้าทำลายองุ่นที่ใบและราก ทำให้ต้นเสียหายและตายในที่สุด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไร่องุ่นในยุโรปถูกทำลายไปเกือบหมดในระยะเวลาไม่ถึง 40 ปี ในช่วงที่แมลง Phylloxera ระบาดอย่างรุนแรงคือช่วงปลายศตวรรษที่ 19 นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศสสังเกตว่ารากองุ่นที่นำมาจากอเมริกาบางพันธุ์ไม่ถูกทำลาย จึงแนะนำให้นำตาองุ่น V. vinifera มาติดบนต้นองุ่นที่รากต้านทานต่อแมลงนี้ ดังนั้นองุ่นที่ปลูกใหม่ในยุโรปและทั่วโลกจึงจำเป็นต้องใช้ต้นตอ
พันธุ์องุ่นที่ปลูกในประเทศไทยส่วนใหญ่ล้วนเป็นองุ่นชนิด V. vinifera เช่นองุ่นพันธุ์ White Malaga พันธุ์ Beauty Seedless พันธุ์ Flame Seedless พันธุ์ Marroo Seedless และพันธุ์ Perlette โชคดีของผู้ปลูกองุ่นในประเทศไทยที่ยังไม่พบการระบาดของ Phylloxera อย่างไรก็ตามพบการระบาดของไส้เดือนฝอยเข้าทำลายระบบรากองุ่น โดยจะฝังตัวและอาศัยอยู่ภายในราก ทำให้รากเป็นปม ซึ่งจะมีผลทำให้ผลผลิตต่ำ การเจริญเติบโตลดลง ต้นองุ่นจะทรุดโทรมลงเรื่อยๆ และตายในที่สุด ดังนั้นเมื่อประมาณ 50 ปีกว่าที่แล้ว ศ.ปวิณ ปุณศรี จึงได้นำเข้าต้นตอองุ่นพันธุ์ Solonis x Othello 1613 (1613C) จากอเมริกา ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ต้านทานต่อไส้เดือนฝอย และเป็นต้นตอที่ใช้แพร่หลายในปัจจุบัน
ต้นตอจะช่วยให้องุ่นมีระบบรากที่แข็งแรง ต้านทานต่อปัจจัยต่างๆ ในดิน ทั้งที่มีสาเหตุมาจากสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เช่น โรค Pierce’s Disease (โรคกิ่งและเถาแห้ง) โรค Crown Gall (โรคโคนต้นเป็นปม) Phylloxera และไส้เดือนฝอย สภาพดินที่ไม่เหมาะสม เช่น ดินแห้งแล้ง ดินแฉะ ดินเค็มและดินที่มีระดับความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งการใช้ต้นตอสามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ โดยส่งผลต่อการเจริญเติบโตของต้นองุ่นพันธุ์ดีและคุณภาพของผลผลิต อย่างไรก็ตามการเลือกพันธุ์ต้นตอองุ่นเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมหรือปัญหาของพื้นที่นั้นจะต้องพิจารณาคุณสมบัติของต้นตอองุ่นพันธุ์นั้นๆ ด้วย
กลุ่มลูกผสม/ชนิด | ชื่อพันธุ์ | คุณสมบัติของต้นตอองุ่น |
---|---|---|
V. riparia × V. rupestris
|
Schwarzmann |
เจริญเติบโตปานกลาง ต้านทานแมลงในดิน ต้านทานไส้เดือนฝอยได้ดี ออกรากง่าย ชอบดินที่ชุ่มน้ำ ไม่ทนแล้งแต่ทนดินเค็ม |
V. berlandieri × V. rupestris
|
110 Richter (110R) |
เจริญเติบโตดี ต้านทานไส้เดือนฝอยได้น้อยถึงปานกลาง ทนแล้ง ทนดินด่าง และทำให้ผลสุกช้า |
140 Ruggeri (140Ru) |
เจริญเติบโตดี ต้านทานไส้เดือนฝอยได้ปานกลาง ทนแล้ง ทนดินด่างและทนดินเค็ม |
|
1103 Paulsen (1103P) |
เจริญเติบโตดี ทนดินด่าง ทนดินเค็มและทำให้ผลสุกช้า |
|
V. berlandieri × V. rupestris
|
5 BB Selection Kober (5 BB) |
เจริญเติบโตปานกลาง มีระบบรากตื้น ทนดินด่าง แต่ไม่ทนแล้ง ดินเค็ม และต้านทานไส้เดือนฝอยได้ปานกลาง |
5 C Teleki (5 C) |
ทนดินปูน ต้านทานต่อไส้เดือนและแมลงในดินได้ดี |
|
Selection Oppenheim No. 4 (SO 4) |
ระบบรากตื้น ทนดินกรดและดินด่าง แต่ไม่ทนแล้ง ต้านทานไส้เดือนฝอยและแมลงในดินได้ดี |
|
8B |
ทนความแห้งแล้ง ต้านทานไส้เดือนฝอยได้ดี |
|
V. champini
|
Ramsey (Salt Creek) |
เจริญเติบโตดี ทนดินกรดอ่อนและดินด่าง ทนแล้ง ทนดินเค็ม และต้านทานไส้เดือนฝอยได้ดีมาก |
V. longii × ((V. labrusca × V. riparia) × V. vinifera)
|
Solonis x Othello 1613 (1613C) |
เจริญเติบโตปานกลาง ต้านทานไส้เดือนฝอยได้ดี ทนดินชื้นแฉะ และไม่ทนดินด่าง |